วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

Giffarine Big Gifts Big Celebration


>>>ร่วมฉลองชัยยอดขาย 50,000 ล้าน<<<
"Giffarine Big Gifts... Big Celebration"

ซื้อสินค้าครบทุกๆ1,000พีวี/ใบเสร็จ รับคูปองลุ้นโชค 1 ใบ .. 
ลุ้นรับของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 3,500,000 บาท 
ตั้งแต่ 29 ก.ย.-31 ธ.ค. 55 ที่ศูนย์กิฟฟารีนทุกสาขาทั่วประเทศ


วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

GIFFARINE CHAMPS of the CHAMPS


วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พ.ญ.นลินี ไพบูลย์ เปิดโชว์รูมกิฟฟารีนแห่งใหม่ ณ นครเวียงจันทน์ สปป.ลาว

บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด นำโดย พ.ญ. นลินี ไพบูลย์ (ที่ 3จากขวา) ประธานกรรมการ เปิดโชว์รูมกิฟฟารีนแห่งใหม่ ณ นครเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการกระจายสินค้าให้แก่สมาชิกและผู้บริโภค โดยได้รับเกียรติจากท่านสมสะหวาด เล่งสะหวัด(ที่ 3 จากซ้าย) รองนายกรัฐมนตรีจาก สปป.ลาว ท่านบุญกอง สีหะวงศ์(ซ้ายสุด) รองรัฐมนตรีสาธารณสุข จากสปป.ลาวท่านวิทวัส  ศรีวิหค(ที่ 2 จากขวา) เอกอัคราชทูตไทยประจำสปป.ลาวน.พ.กระแส  ชนะวงศ์ (ที่ 2 จากซ้าย) นายกสภามหาวิทยาลัยนเรศวรอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ได้รับรางวัลรามอน แมกไซไซ สาขาผู้นำชุมชน และท่านนิวรณ์ เนียวสายคำ หัวหน้ากรมส่งเสริมบรรยากาศการลงทุน จากสปป.ลาว (ขวาสุด) ร่วมแสดงความยินดีณ โรงแรม ลาวพลาซ่า เวียงจันทน์เมื่อเร็วๆ นี้

วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

กิฟฟารีน (Giffarine) ทำตลาดเน้นอาเซียนรุกหนักปักธงเพื่อนบ้าน ลาว-อินโดฯ เพิ่ม


 นายพงศ์พสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการใหญ่สายงานการตลาด บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด 

เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาส แรกของปีนี้มีอัตราการเติบโตเป็นไปตามเป้า โดยเติบโตขึ้นประมาณ 7-10% ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดขายของบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เกิดจากแผน การดำเนินงานต่างๆ ที่มีความชัดเจน โดย เฉพาะการเตรียมป้องกันโรงงานรับมือสถานการณ์น้ำท่วมปี 55 หลังจากบริษัทเคยได้รับผลกระทบจากวิกฤติมหาอุทกภัย ซึ่งกระทบฐานการผลิตที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนวนครนานเกือบ 2 เดือน เมื่อปลายปี 2554

“การกู้โรงงานส่งผลให้สถานการณ์ของบริษัทดีขึ้น เนื่องจากขวัญและกำลังใจของสมาชิกเริ่มกลับมา กำลังการผลิตก็เดิน เครื่องได้เช่นเดิม จึงทำให้บริษัทผลิตสินค้า ออกมาเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ส่งผลให้ยอดขายในช่วงไตรมาสแรก ของปีนี้มีอัตราการเติบโตเป็นไปตามเป้า”

นอกจากสถานการณ์โรงงานที่เริ่มกลับมาผลิตได้อย่างเต็มกำลังแล้ว นายพงศ์พสุ ยังเปิดเผยต่อว่า ปัจจัยอีกด้านหนึ่งที่ทำให้เป้าหมายในไตรมาสแรกประสบความสำเร็จ คือ การที่บริษัทได้จัดงานฉลองครบรอบ 16 ปีเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งภายในงานดังกล่าวบริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ 2 รายการด้วยกัน คือ กิฟฟารีน อะบาโลน โกลด์ 3X และGluta-Curcuma CE โดยกิฟฟารีน อะบาโลน โกลด์ 3X เป็น ผลิตภัณฑ์ที่ต่อยอดมาจากอะบาโลนเดิม แต่บริษัทได้เพิ่มความเข้มข้นของคอลลาเจนขึ้นถึง 3 เท่า และเพิ่มส่วนผสมใหม่ คือ มิกซ์เบอรรี่กับไซเบอร์จากผลไม้ ผลิตภัณฑ์ ดังกล่าวจึงถือเป็นอีกหนึ่งกำลังที่จะสร้างยอดขายให้กับบริษัท

ส่วนสินค้าใหม่อีกรายการหนึ่ง คือ Gluta-Curcuma CE เป็นกลูต้าไธโอนชนิด พิเศษ เรียกว่า ชนิดออกซิไดซ์ ซึ่งมีคุณสมบัติ คือ มีความคงตัวสูง สลายตัวช้า และไม่ทำให้เกิดก๊าซ ช่วยในการบำรุงผิว ดังนั้นตนคิดว่า ผลิตภัณฑ์ทั้งสองรายการนี้ น่าจะเป็นสินค้าใหม่ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคของกิฟฟารีน นอกจากนี้ ใน ช่วงที่ผ่านมา บริษัทก็ยังมีกิจกรรมส่งเสริม การขาย เช่น การให้รางวัลสำหรับนักธุรกิจ ที่สร้างผลงาน หรือการจัดโปรชั่นส่งเสริม การขายต่างๆ จากปัจจัยดังกล่าว จึงเป็นส่วนสนับสนุนที่ทำให้ยอดธุรกิจในไตรมาส แรกดีขึ้น 

ในส่วนของแผนรุกตลาดในไตรมาส 2 นั้น นายพงศ์พสุ กล่าวว่า ไตรมาสต่อไป บริษัทจะเน้นการจัดมินิเอ็กซ์โป ตามภูมิภาคต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้ในผลิตภัณฑ์ของบริษัทเพิ่มขึ้น จะมีการจัดกิจกรรม sale contest จัดอบรมสัมมนา เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพของนักธุรกิจ และการเตรียมแผน โฆษณาประชาสัมพันธ์เพิ่มเติม โดยเฉพาะ สื่อการโฆษณาทางทีวี เพราะตนมองว่าปัจจุบันกิฟฟารีนเข้าไปอยู่ในตลาดเดียวกับค้าปลีกมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ของบริษัทอยู่ระหว่างสองตลาด ทั้งค้า ปลีกและขายตรง แต่ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าบริษัทค้าปลีกต่างๆ มีความเชี่ยวชาญในสื่อการโฆษณาสูง จึงอาจเป็นโอกาสในการ ช่วงชิงลูกค้าได้มากกว่า ดังนั้นกิฟฟารีนคงจะเน้นสร้างการรับรู้สินค้า หรือแบรนด์ ของบริษัทโดยใช้กลยุทธ์ปากต่อปากอย่าง เดียวคงไม่ได้ ซึ่งในขณะนี้แผนการสร้างสื่อทีวีของบริษัทก็กำลังใกล้สมบูรณ์แล้ว รูปแบบการขยายธุรกิจในอนาคตจึงน่าจะมีทางเลือกที่กว้างกว่า ทั้งนี้ในส่วนของ ไตรมาส 2 ของปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ประมาณ 1,500 ล้านบาท

ด้านการเปิดตลาด AEC นายพงศ์พสุ เปิดเผยว่า “ขณะนี้บริษัทได้มีการเปิดตลาดในประเทศพม่า กัมพูชา และ มาเลเซีย แผนต่อไป คือการเปิดตลาดในประเทศลาว และอินโดนีเซีย ซึ่งขณะนี้การ เตรียมความพร้อมสำหรับตลาดประเทศลาวอยู่ในขั้นตอนที่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ส่วนอินโดนีเซียเป็นช่วงที่อยู่ระหว่าง การวางแผน โดยรูปแบบการเปิดตลาดใน มาเลเซีย พม่า กัมพูชา จะเปิดสาขา โดย มีผู้ร่วมลงทุน แต่ประเทศลาวบริษัทได้เข้า ไปลงทุนเองทั้งหมด”

“การเปิดตลาด AEC ตนมองว่า เป็นสัญญาณบวกมากกว่าสัญญาณลบ เพราะตลาด AEC จะเป็นฐานธุรกิจสำคัญ ที่ทำให้กิฟฟารีนเติบโตไปอีกขั้นหนึ่ง แต่การที่เราจะสร้างโอกาสในการเปิดตลาดอาเซียนได้ เราต้องพยายามศึกษาความเสี่ยงต่างๆ ของการเข้าไปขยายเครือข่าย ในแต่ละประเทศให้มากขึ้น อย่างไรก็ดีตนมั่นใจว่าด้วยศักยภาพที่บริษัทมี และคุณภาพของผลิตภัณฑ์น่าจะทำให้ตลาดต่างประเทศ มีอัตราการเติบโตที่ดี”

16ปี GIFFARINE ''Emotional Marketing''


Emotional marketing

ถือเป็นกลยุทธ์การตลาดในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบันแทนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ที่ต้องยกแม่น้ำทั้งห้า บรรยายสรรพคุณผลิตภัณฑ์ จนเลิศเลอเพื่อจูงใจให้ลูกค้าตัดสินใจ "ซื้อ" ผลิตภัณฑ์นั้นๆ จุดเด่นของกลยุทธ์นี้คือ การเล่นกับอารมณ์ และความรู้สึกของกลุ่มเป้าหมาย ให้เกิดการอยากลอง อยากใช้ โดยปิดกั้นความรู้สึกคุ้มค่าและความจำเป็น ออกไปจากความคิดของผู้บริโภคชั่วขณะ เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจหากการตัดสินใจซื้อสินค้า ในขั้นสุดท้ายของหลายๆคน อาจจะแตกต่างจากความต้องการในตอนแรก เพราะนั่นคืออิทธิฤทธิ์ของ "Emotional Marketing'' นั่นเอง 

ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไป ใช้อารมณ์และความรู้สึกตัดสินใจมากกว่าเหตุผล ต่างจากในอดีตการ "ซื้อ"จะยืนอยู่บนพื้นฐานของความคุ้มค่า ส่วนผสม ระยะเวลาการใช้ โดยเฉพาะวัยรุ่นและคนทำงานยิ่งมีความ Emotionalมากขึ้น จึงส่งผลให้กลยุทธ์นี้ทรงประสิทธิภาพและได้ผลตามเป้าหมายของผู้ประกอบการณ์ อย่างไรก็ตามเนื่องจาก ''Emotional Marketing'' เป็นการสร้างการรับรู้ผ่านความรู้สึกของกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้เกิดการซื้อ เพราะฉะนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ผลิตภัณฑ์จะต้องมีความน่าสนใจ และมีจุดขายอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามของเพคเกจจิ้งรวมถึง Positioning ของผลิตภัณฑ์

"ต้องทำให้กลุ่มเป้าหมายอยากซื้อสินค้า" 

พญ.นลินี ไพบูลย์  ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เชื่อว่าการทำการตลาดแบบEmotional Marketing อย่างน้อยผลิตภัณฑ์ต้อง ปะทะสายตากลุ่มเป้าหมายเพื่อให้เกิดความรู้สึกอยากใช้ แต่การนำเสนอต้องชัดเจน ไม่โกหก ซึ่งเมื่อลูกค้าทดลองใช้แล้วได้ผล ก็จะเกิดการบอกต่อและอยากจะทำธุรกิจกับผลิตภัณฑ์ตัวนั้นๆ
   "ตอนแรกเขาอาจจะยังไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็น Emotional เราจึงต้องสร้างจุดขายเพื่อให้ลูกค้าอยากซื้อ แต่หลังจากลูกค้าได้ใช้ผลิตภัณฑ์แล้ว ประสิทธิภาพของมันก็จะเป็นตัวบอกได้เป็นอย่างดีว่า กลุ่มเป้าหมายจะซื้ออีกหรือไม่เล่าต่อให้คนอื่นฟังหรือไม่ "นักธุรกิจกิฟฟารีน"จะถูกปลูกฝังมาเป็นอย่างดี ในเรื่องจรรยาบรรณกับสินค้า เขาจะซื่อสัตย์กับตัวเอง ผลิตภัณฑ์ไหนดีก็จะมีการบอกต่อ และเขาก็จะเลือกขยายงานกับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ซึ่งก็จะทำให้มียอดขายที่เพิ่มขึ้น หากผลิตภัณฑ์ใดไม่ประทับใจยอดขายก็จะนิ่ง สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัววัดได้เป็นอย่างดี และเราก็จะรู้ว่าผลิตภัณฑ์ตัวใดจะมียอดขายสูงบ้าง"
 
ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ที่เป็น ''Emotional Marketing' ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเสริมอาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งกลุ่มเครื่องสำอางและสกินแคร์ ส่วนเมคอัพจะไม่มีการพัฒนาไปได้มากกว่านี้ จุดขายส่วนใหญ่จึงมีแค่ สีสวย ดูธรรมชาติ บางเบา ปิดได้ดีขึ้นเท่านั้น

         พญ.นลินีกล่าวว่า "เรามีผลิตภัณฑ์จำนวนมาก ที่ซับพอร์ต "Emotional Marketing" เพราะการทำตลาดในส่วนนี้ ต้องพิจารณาหลายอย่างเป็นองค์ประกอบด้วย ไม่ว่าจะเป็น ความต้องการของตลาด ความต้องการของผู้บริโภค แต่การที่จะเติบโตได้อย่างยั่งยืน ผลิตภัณฑ์นั้นต้องสามารถผลักดันตัวมันเองได้ หรือสามารถขายตัวเองได้ ไม่ว่านักขายจะเก่งแค่ไหน จะผลักดันได้แค่ครั้งแรกเท่านั้น ส่วนครั้งต่อๆไป ผู้บริโภคจะตอบรับหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของผลิตภัณฑ์"

"แบรนด์ GIFFARINE ใกล้ชิดผู้บริโภค"

มองในส่วนของการเข้าถึงผู้บริโภคของแบรนด์ "Giffarine" พญ.นลินี ยอมรับว่า กิฟฟารีน พยายามที่จะเข้าใจคนไทยให้มากที่สุดและแผนธุรกิจของบริษัทเองก็ชัดเจน มีการซื้อสินค้าใช้จริงทั้งผู้บริโภคและนักธุรกิจ สิ่งเหล่านี้ทำให้เรามีความชัดเจนในการสร้างแบรนด์ เพื่อเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคและนักธุรกิจ แบรนด์ของธุรกิจและแบรนด์ของตัวสินค้า จึงถูกสร้างควบคู่กันไป ซึ่งวันนี้ก็ต้องยอมรับว่า ด้วยกลยุทธ์ของเราแบบนี้ตั้งแต่ต้น

ทำให้ "กิฟฟารีน" มีผู้บริโภคมากกว่านักธุรกิจ แต่ก็เป็นสิ่งที่เราพอใจ เพราะหากผู้บริโภคมากกว่านักธุรกิจจะทำให้นักธุรกิจมั่นใจว่า สิ่งที่เขาสร้างคือ "เครือข่ายผู้บริโภค" จะเป็นรายได้ที่ย้อนกลับมาหาเขาตลอดไป เสมือนหนึ่งเขาเป็น "เจ้าของกิจการ" หน้าที่ของบริษัทคือ การช่วยเหลือนักธุรกิจให้เติบโตมี ระบบสนับสนุน ทำให้ผู้บริโภคยังอยากจะซื้อสินค้า ซึ่ง จะส่งผลให้นักธุรกิจรู้สึกคุ้มค่าจากการที่ต้องดูแลผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น

"Giffarine เป็นขายตรงที่ไกล้ค้าปลีกมากที่สุด หากเปรียบเทียบกับขายตรงหลายชั้นทั้งหมด และคนที่ทำธุรกิจกับเราเขาจะมองภาพของเขา เป็นได้ทั้ง นักธุรกิจเครือข่าย และ เจ้าของห้างสรรพสินค้า"

"ปักหลัก Middle class"

     ที่ผ่านมาหลายคนอาจสงสัยว่าจริงๆแล้ว ใครคือกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของกิฟฟารีน โดยเฉพาะหากพิจารณาจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่หลายกลุ่ม 

"Brand positioning ของเราอยู่ในระดับชนชั้นกลางกว่า 90% ลูกค้าที่มีรายได้น้อยมากอาจจะไม่ใช้สินค้าของเรา ตลาดระดับกลางมั่นคงที่สุด เพราะครอบคลุมคนส่วนใหญ่ ตั้งแต่ B+ , B- จนถึง C- , C+ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความคาบเกี่ยวกัน ทั้งนี้ในอดีตเราจะแบ่งกันตามรายได้ แต่ปัจจุบัน รสนิยม จะเป็นตัวกำหนด มากกว่ารายได้ เช่น ผู้ที่มีรายได้บีลบ เขาอาจจะมีรสนิยมเหมือนระดับเอ ถ้าเขาสามารถซื้อสินค้าที่คล้ายๆตลาดA แต่ในราคาBได้ เขาก็แฮปปี้"

เพราะฉะนั้นกลุ่มคนที่เข้ามาใช้ ผลิตภัณฑ์กิฟฟารีน จึงค่อนข้างกว้าง ในอดีตการทำตลาดอาจจะสอนให้จับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แต่ปัจจุบันสามารถมีหลากหลายกลุ่มเป้าหมายได้ วันนี้ธุรกิจขายตรงมีการให้ความรู้และสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับประชาชนได้ไกล้ชิดกว่าแต่ก่อน และภาพของขายตรงก็ได้รับการยอมรับมากกว่าในอดีต เพราะฉะนั้นการนำเสนอสินค้าโดยมีจุดขายชัดเจน จึงเป็นเรื่องที่บอกกันได้

"เรายอมรับว่าผู้มีรายได้มากระดับ A+ เขาอาจไม่ได่ใช้ของไทยเลยก็ได้ แต่เขาก็อาจจะใช้ผลิตภัณฑ์บางตัวของเราได้เหมือนกัน เช่น ผลิตภัณฑ์ที่เป็นเครื่องดื่ม เขาดื่มน้ำทับทิม ดื่มอบาโลนคอลลาเจน แต่อาจจะใช้เครื่องสำอางในตลาดระดับบน เพราะฉะนั้นต้องมองด้วยว่าลูกค้าของเรามีเยอะ และนักธุรกิจของกิฟฟารีนก็จะยืนอยู่ที่ Middle classแต่ต้องยอมรับว่าผู้มีรายได้มากๆ อาจจะเข้ามาในธุรกิจเครือข่ายน้อย เพราะขาดแรงจูงใจ แต่ผู้ที่ต้องการสร้างครอบครัวสร้างหลักสร้างฐาน จะเข้ามาในธุรกิจมากขึ้น"

"ปิดยอดปี54 โตกว่า 11%"

  ในปี2554 ที่ผ่านมา Giffarine สามารถสร้างยอดขายตั้งแต่ เดือนมกราคม-ธันวาคม 2554 ได้เป็นจำนวน ห้าพันสี่ร้อยแปดสิบแปดล้านบาท หรือโตขึ้น 11.7 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน


พญ.นลินี บอกอีกว่า ความสำเร็จตลอดระยะเวลา 16 ปี มีหลายองค์ประกอบที่สนับสนุนการเติบโตของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั้งนักธุรกิจและผู้บริโภค รวมทั้งแผนธุรกิจที่ให้มากกว่า ทำให้สมาชิกรู้สึกว่าเขาได้สร้างความสำเร็จจริงๆ องค์ประกอบส่วนสุดท้าย คือระบบสนับสนุนที่บริษัทเองก็มีนโยบาย ให้นักธุรกิจทำงานด้วยความสะดวกสบาย ไม่ต้องลงทุนมาก รวมทั้งการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งของบริษัท ปัจจุบันกิฟฟารีนมีจำนวนสมาชิกกว่า 6.2 ล้านรหัส โดยมีจำนวนนักธุรกิจแอคทีฟอยู่ที่ 5.1 แสนรหัส  

วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

กิฟฟารีน - เปิดรับอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการ Clinical Test กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาว



กิฟฟารีน - เปิดรับอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการ Clinical Test กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาว จำนวน 70 ท่าน (เฉพาะสมาชิกกิฟฟารีนเท่านั้น)

คุณสมบัติของผู้สมัคร Clinical Test 

1. เป็นสมาชิกกิฟฟารีน
2. ไม่จำกัดเพศ
3. อายุระหว่าง 18 – 40 ปี
4. ไม่เป็นผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือระคายเคืองง่าย หรือมีสิวจำนวนมากอยู่
5. ไม่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
6. สามารถงดการเดินทางไปเที่ยวทะเล หรือทำกิจกรรมที่โดนแดดจัด ๆ 3 สัปดาห์ก่อนเริ่มการทดลอง
    และตลอดช่วงเวลาทดลอง คือ ประมาณ 4 มิ.ย. – 23 ก.ค. 55
    (ผู้เข้าร่วมการทดลองสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ)
7. สามารถเดินทางมาที่กิฟฟารีนคลินิกได้ทุกอาทิตย์ในช่วงเวลาทดลอง (4 มิ.ย.-23ก.ค.55)
8. มีที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้สะดวก

ช่องทางการสมัคร
1. สมัครที่งานประชุมรร.อินทรา ในวันอังคารที่ 8, 15 และ 22 พฤษภาคม 2555
2. สมัครผ่านเวบไซต์กิฟฟารีน 
    - คลิกดาวโหลดใบสมัคร ได้ที่ http://www.giffarinethailand.com/th/download_info.php?did=69
    - ทำการดาวโหลดใบสมัคร
    - ปริ๊นท์ใบสมัคร
    - กรอกใบสมัคร
    - ส่งใบสมัครพร้อมลายเซ็น ได้ 2 ช่องทาง
       i. ทางไปรษณีย์ (ภายในวันที่ 18 พฤษภาคม 2555)
               ที่อยู่  ฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัทกิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้
                       36/1 ซอยอารีย์สัมพันธ์ 11 ถนนพระรามหก
                       แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
       ii. ทางอีเมลล์ ส่งไปที่    natthida@giffarine.com  (ภายในวันที่ 22 พฤษภาคม 2555) 

**อาสาสมัครที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ จะได้รับผลิตภัณฑ์กิฟฟารีนมูลค่า 3,000 บาท (เฉพาะอาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งสิ้นสุดสิ้นสุดระยะเวลาของโครงการ)**

***ประกาศชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการประมาณวันที่ 28 พฤษภาคม 2555 ในเว็บไซต์กิฟฟารีน และโทร.แจ้งผลการคัดเลือกเฉพาะผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ***

วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

กิฟฟารีนร่วมเสวนามุ่งสู่การเปลี่ยนแปลงประชาคมอาเซียน 2015 (AEC)



พ.ญ.นลินี  ไพบูลย์ ประธานกรรมการบริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ร่วมแสดงปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ภาวะผู้นำของนักธุรกิจยุคใหม่กับการเปลี่ยนแปลงสู่ประชาคมอาเซียน” (A Dynamic Business Leadership for Change towards AEC’ 2015) กิจกรรมสร้างสรรค์มิติใหม่ของสมาคมไทยเพื่อส่งเสริมความเข้าใจระหว่างประเทศ โดยได้รับเกียรติจาก ศ.ดร.น.พ. กระแส ชนะวงศ์ นายกสมาคมไทยเพื่อส่งเสริมความเข้าใจระหว่างประเทศ ร่วมเป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมด้วย รศ.ดร. สมภพ  มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์  ให้เกียรติเป็นผู้นำเสนอแนวคิดเชิงวิเคราะห์จากการบรรยายขององค์ปาฐกถา และนำการเสวนาซักถามร่วมกับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน ณ ห้องประชุม ศ.น.พ. รุ่งธรรม ลัดพลี อาคาร D ชั้น 8 โรงพยาบาลกรุงเทพ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เมื่อเร็วๆ นี้